ระบบการพิมพ์

ในยุคข่าวภาพ และเสียงอ่างทอง การพิมพ์หนังสือ ล้วนแล้วแต่เกิดจากการจ้างทั้งสิ้น จนกระทั่งเริ่มใช้ชื่อไทยรัฐ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2505 จึงเริ่มใช้เครื่องพิมพ์ระบบ ''เลตเตอร์ เพรสส์'' (Letter Press - ฉับแกระ) ตรา ชิกาวา โอพีไอ (Chikawa OPI) และเรียงพิมพ์ด้วยตัวเรียงตะกั่ว แม่พิมพ์พื้นนูน
ต่อมา เมื่อราวปลายปี พ.ศ. 2508 ไทยรัฐเปลี่ยนไปใช้เครื่องพิมพ์ระบบ ''โรตารี'' (Rotary) พิมพ์บนกระดาษม้วน ด้วยแม่พิมพ์พื้นนูน ที่หลอมจากตะกั่ว จากนั้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2512 ไทยรัฐติดตั้งเครื่องพิมพ์ระบบ ''เว็บ ออฟเซ็ต'' (Web Offset) ตรา ''ฮามาดา เอโออาร์'' (Hamada AOR) จำนวน 2 เครื่อง หมายเลข 175 และ 177 จาก[[ประเทศญี่ปุ่น]] พิมพ์ได้ฉบับละ 16 หน้า (สี่สี 2 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 18,000 ฉบับต่อชั่วโมง
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 ไทยรัฐเริ่มใช้เครื่องพิมพ์ระบบ ''ออฟเซ็ต'' (Offset) ตรา ''ฮามาดา เอ็นโออาร์'' (Hamada NOR) จำนวน 1 เครื่อง หมายเลข 192 พิมพ์ได้ฉบับละ 16 หน้า (สี่สี 2 หน้า) กำลังการผลิต 30,000 ฉบับต่อชั่วโมง และเมื่อวันที่ [[26 มิถุนายน]] พ.ศ. 2519 ไทยรัฐเปลี่ยนระบบการพิมพ์ จากการเรียงตัวตะกั่ว เป็นระบบเรียงพิมพ์ด้วยแสง โดยร่วมกับ บริษัท คอมพิวกราฟิก จำกัด พัฒนาเครื่องเรียงพิมพ์ ''ยูนิเวอร์แซล 4'' (Universal 4) ซึ่งทำงานกับ[[ภาษาอังกฤษ]] ให้ใช้งานเป็น[[ภาษาไทย]]ได้สำเร็จ
จากนั้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2522 ไทยรัฐเปลี่ยนไปใช้เครื่องพิมพ์ตรา ''แมน โรแลนด์ ยูนิแมน 2/2'' (Man Roland Uniman 2/2) จำนวน 2 เครื่อง หมายเลข 108 และ 113 จาก ประเทศเยอรมนี พิมพ์ได้ฉบับละ 20 หน้า (สี่สี 4 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 40,000 ฉบับต่อชั่วโมง พร้อมทั้งเลิกใช้เครื่องพิมพ์ตรา ฮามาดา รุ่น เอโออาร์ ทั้งหมด ต่อมา ไทยรัฐติดตั้งเครื่องพิมพ์รุ่นเดียวกัน เพิ่มอีกคราวละ 1 เครื่อง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 (หมายเลขเครื่อง 004) และวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2525 (หมายเลขเครื่อง 037)
ไทยรัฐได้นำเครื่องแยกสี ''ครอสฟิลด์'' (Crosfield) เข้ามาใช้ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2528 และเพิ่มอุปกรณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2533 ต่อมา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 ไทยรัฐเริ่มใช้เครื่องพิมพ์ตรา ''แมน โรแลนด์ ยูนิแมน 4/2'' จำนวน 2 เครื่อง หมายเลข 137 และ 138 พิมพ์ได้ฉบับละ 32 หน้า (สี่สี 4 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 40,000 ฉบับต่อชั่วโมง พร้อมทั้งเลิกใช้เครื่องพิมพ์ ฮามาดา เอ็นโออาร์ 1 เครื่อง
เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2531 ไทยรัฐได้นำระบบเรียงพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ตรา ''เอเท็กซ์'' (Atex) เข้ามาใช้ในการเรียงพิมพ์ รวมถึงเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2534 จึงได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ตราเดียวกัน ในการจัดหน้าข่าวด้วย เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2536 ไทยรัฐจัดพิมพ์หน้าสีเพิ่มขึ้น จึงได้นำระบบแยกสีประกอบหน้า ไซน์เทค (Scitex - Color Separation and Pagination System) มาใช้ประกอบโฆษณาสี และหน้าข่าวสี่สี และเพิ่มอุปกรณ์แยกสีดังกล่าว เพื่อประกอบหน้าข่าวสี่สีเพิ่ม เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 และเพื่อรองรับงานพิมพ์ 40 หน้า เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2538 พร้อมกันนั้น ไทยรัฐได้เพิ่มระบบเรียงพิมพ์และประกอบหน้า (Editorial System) ด้วยระบบ พี.อิงค์ (P.Ink)
ต่อมา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2538 ไทยรัฐสร้างความฮือฮาในวงการพิมพ์ ด้วยการติดตั้งเครื่องพิมพ์ตรา แมน โรแลนด์ จีโอแมน (Man Roland Geoman) จากเยอรมนี จำนวน 6 เครื่อง  หมายเลข 006, 007, 008, 009, 010 และ 011 มูลค่ามหาศาลถึง 2,000 ล้านบาท  สามารถพิมพ์ได้ฉบับละ 48 หน้า (สี่สี 24 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 40,000 ฉบับต่อชั่วโมง และในวันเกิดของกำพลปีนั้นเอง ที่ตัวเขาเป็นผู้กดปุ่มเดินเครื่องพิมพ์เหล่านี้ด้วยตนเอง
ปัจจุบัน ไทยรัฐใช้เครื่องพิมพ์ตรา ''แมน โรแลนด์'' รุ่น จีโอแมน จาก[[ประเทศเยอรมนี]] ซึ่งมีกำลังในการผลิตชั่วโมงละ 360,000 ฉบับ โดยใช้พิมพ์ฉบับละ 40 หน้า (สี่สี 20 หน้า) ซึ่งในแต่ละวัน ใช้[[กระดาษ]]ทั้งหมด 230 ม้วน คิดเป็นน้ำหนัก 225 ตัน และใช้[[หมึก]][[สีดำ]] 1,200 กิโลกรัม, [[สีแดง]] 445 กิโลกรัม, [[สีฟ้า]] 430 กิโลกรัม, [[สีเหลือง]] 630 กิโลกรัม โดยทางบริษัทฯ มักจะนำผู้เข้าเยี่ยมชมกิจการ เข้าชมการผลิตหนังสือพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ดังกล่าว จนกระทั่ง [[อุดม แต้พานิช]] ได้กล่าวถึงการเข้าชมกิจการของ บจก.วัชรพล และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในการแสดง[[เดี่ยวไมโครโฟน]]ของเขาว่า เป็นการ เยี่ยมแท่นพิมพ์